วันนี้เราจะมาแนะนำสายพันธุ์กระต่ายที่นิยมในปัจจุบันกันน่ะค่ะ ได้แก่ ^(++++++)^**
เป็นกระต่ายที่นิยมเลี้ยงกันแพร่หลายที่สุด มีขนสีขาวตลอดตัว ตาสีแดงหน้าสั้น มีสะโพกใหญ่ ไหล่กว้าง ส่วนหลังและสีข้างใหญ่ เนื้อเต็ม ให้ลูกดกเลี้ยงลูกเก่ง เมื่อโตเต็มที่ ตัวผู้หนัก 4.1-5.0 กิโลกรัม ตัวเมียหนัก 4.5-5.5 กิโลกรัม
2.กระต่ายไทย
เป็น สายพันธุ์กระต่าย พื้นบ้านของประเทศไทย ลักษณะตัวใหญ่ มีหลากหลายสี ว่องไวปราดเปรียว หูยาว หน้าค่อนข้างจะกลม มีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง สามารถกระโดดได้สูง เมื่อโตเต็มที่หนักประมาณ 2.0-3.0 กิโลกรัม
3.พันธุ์แองโกร่า (Angora)
เลี้ยงกันมากทางภาคเหนือ มีขนฟูยาว ขนสีขาว สีดำหรือสีอื่นๆ เมื่อโตเต็มที่ตัวผู้ หนัก 2.4-3.5 กิโลกรัม ตัวเมียหนัก 2.5-3.8 กิโลกรัม
4.ไลอ้อนเฮดท์ (Lion head)
ลักษณะมาตรฐานของกระต่ายพันธุ์นี้ คือ
1. ลำตัว จะต้องสั้น กลมป้อม ไหล่และอกควรจะกว้าง ตะโพกต้องกว้าง กลม 2. หัว ต้องใหญ่ ระยะห่างระหว่างตา ต้องกว้าง หัวและตัวควรจะชิดกันไม่เห็นคอ ตาต้องกลมโต
3. หู ต้องสั้น อยู่บนส่วนบนของหัว ต้องตั้ง และ มีขนปกคลุมหู
4. แผงคอ เป็นขน Wool คือขนปุย และแผงคอต้องเด่น ทั้งด้านบน และด้านข้างหู ต้องมีความยาวของแผงคออย่างน้อย 2 นิ้ว แผงคอต้องเป็นแผงกลมรอบๆหัว ส่วนขนตรงหน้าและตัวจะไม่ใช่ขน Wool เหมือนแผงคอ
5.พันธุ์ดัตช์ (Dutch)
กระต่ายพันธุ์ดัตช์ นี้ว่ากันว่ามีมานานมาก ต้นกำเนิดเค้าอยู่ที่ฮอลแลนด์แต่มาฮิตกันที่อังกฤษ
ที่นิยมชมชอบกันก็คือมาร์คกิ้งค่ะคือลายค่ะจะต้องตรงตามมาตรฐานการเลือก ถ้าจะให้สวยล่ะก็ สีต้องตัดกันเป๊ะๆระหว่างสีขาวกับสีลาย ตัดกันเป็นเส้นชัดเจน แก้มต้องไม่ตอบ
6. เจอร์รี่วู๊ดดี้ทอย (Jerry Woody)
7. เท็ดดี้แบร์ (Teddy Bear)
Teddy หรือ Teddy Bear เป็นกระต่ายที่เป็นลูกผสมเช่นกัน และได้พัฒนาสายพันธุ์กันมาต่อจาก เจอรี่ วู๊ดดี้ จนค่อนข้างนิ่งในเมืองไทย กระต่ายพันธุ์นี้ จะนิยมเลี้ยงกันมาก เพราะว่า รูปร่างน่ารัก ตัวจะกลมฟู ขนจะฟูยาวประมาณ 4-5 นิ้ว
8. วู๊ดดี้ทอย (Woody Toy)
กระต่ายพันธุ์วูดดี้ ทอย นี้จะคล้ายกับ Teddy Bear มากเพราะว่า พัฒนาสายพันธุ์ต่อจาก Teddy Bear โดยทำให้มีขนาดเล็กลงไปอีก มองแล้วคล้ายกับเอา Teddy Bear มาหดให้เล็กลง เพราะว่า หน้าตาคล้ายกับ Teddy Bear เลย ลักษณะคือ หน้าตาจะเหมือน Teddy Bear เลย แต่หูจะสั้นกว่ามองเห็นคล้ายรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า และเมื่อโตเต็มที่แล้วตัวจะเล็กกว่า Teddy Bear
9.โปลิส (Polish)
ชื่อมาจากคำว่า polished ซึ่งแปลว่า เป็นเงา เนื่องจากขนของเค้าจะเรียบเงานั่นเอง มีต้นกำเนิดที่เบลเยี่ยม และได้นำเข้าไปที่ อังกฤษ ในปี 1884 เป็นกระต่ายเล็ก ที่มีหูสั้น และ ปลายหูชนกัน เพราะขนาดที่เล็กและลักษณะใกล้เคียงกับ Netherland Dwarf จึงมีหลายๆคนสับสนกับ Netherland Dwarf แต่จริงๆ แล้ว เค้าจะใหญ่กว่า Netherland Dwarf เล็กน้อย และ หัวไม่กลมมนเหมือน Netherland Dwarf น้ำหนักประมาณ 1.4 to 1.8 กิโลกรัม
10. ฮอลแลนด์ล็อป (Halland Lop)
11. อิงลิซล็อป (English Lop)
เป็นกระต่ายลอปที่เท่ห์สุดๆ นอกจากหูจะตกแล้ว ยังใบหูยาวและใหญ่ เมื่อโตเต็มที่จะหนัก ประมาณ 5-5.5 กิโลกรัม จัดเป็นกระต่ายขนาดใหญ่
12. เฟรนซ์ล็อป หรือ แองโกล่าลอป (Fuzzy Lop)
ลักษณะก็คือกระต่ายหูตก ที่ขนปุยฟู นั่นเองว่ากันว่า Fuzzy Lop นี้เกิดจากการผสม ระหว่าง Halland Lops กับ Angora ค่ะ แต่บางตำราบอกว่า จริงๆแล้วเกิดจาก Hal land Lop เพียงอย่างเดียวค่ะ จนกระทั่งสายเลือดนิ่ง และได้รับการประกาศเป็นมาตรฐานโดย ARBA ในปีคศ 1988 การเลือก ควรเลือกที่ โครงหัวใหญ่ๆ หูจะต้องมีขนปกคลุม ขนควรจะยาวมากกว่า 2 นิ้ว
13. มินิล็อป (Mini lop)
หูจะไม่สั้นเหมือน Holland Lop และ หน้าจะไม่ป้านเท่า บางตัวหน้าออกแหลมด้วยซ้ำไป และโตเต็มที่แล้วตัวจะใหญ่กว่า ส่วนใหญ่แล้วตอนเล็กๆ หน้าตาจะดูสั้นค่ะ แต่เลี้ยงไปนานเข้าหน้าจะแหลมขึ้น อย่างเจ้าตัวเล็กในรูปด้านล่าง เมื่อโตขึ้น หน้าจะไม่กลมแล้วจะยาวขึ้นทำให้ส่วนที่ดูเหมือนแก้มหายไปเช่นเดียวกัน ลักษณะที่สวยนั้นหูต้องตกลงข้างแก้มค่ะ ไม่ใช่กางเป็นปีแมงปอ หรือ ตั้งข้างตกข้าง เมื่อโตเต็มที่ น้ำหนักประมาณ 2-3 กิโลกรัม มีคนบอกว่า Mini lop ฉลาด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น